หลังจากประเดิมทริปรัสเซีย ด้วยเซอร์ไพรส์แรกจาก Moscow (อ่านรีวิว Part 1 ได้ที่นี่) ก็เลยเปลี่ยนบรรยากาศจากในเมืองหลวงสู่ทางตอนเหนือของรัสเซีย กับเมืองที่มีชื่อว่า Murmansk (มูร์มันสค์) ทางตอนเหนือของคาบสมุทร Kola ติดกับมหาสมุทรแอตเเลนติก ถ้าใครชอบความหนาวต้องมา และถ้าโชคดี!! ก็จะได้ชมความสวยงามของเเสงเหนือได้อีกด้วย
การเดินทางจาก Moscow มายัง Murmansk สามารถนั่งเครื่องบินภายในประเทศใช้เวลาเพียง 2 ชม.ครึ่ง จาก Sheremetyevo มาลงที่สนามบิน Murmansk Airport Murmashi
มองออกไปนอกหน้าต่าง ก็จะเริ่มเห็นภูเขาที่มีหิมะปกคลุมขาวโพลนไปหมด
สำหรับการมาเที่ยว Murmansk ขอแนะนำให้ซื้อ Local Tour หรือจ้างไกด์คนขับรถท้องถิ่นจะสะดวกกว่า โดยเฉพาะถ้าจะต้องออกล่าแสงเหนือด้วย คงต้องมีความชำนาญเส้นทาง และรู้แหล่งเป็นอย่างดี ซึ่งตอนแรกก็ไม่รู้จะไปหาที่ไหน เลยได้ติดต่อเจ้าของบริษัททัวร์ของ visitmurmansk ได้ราคามาที่ 19,500 RUB สำหรับ 2 วัน 2 คืน (Teriberka + Saami Vilage + Husky Park + Hunting for Northern Lights) ไม่รวมที่พัก เพราะถ้าหาเองก็จะได้ประหยัด เลยคิดว่าหาเป็น Apartment ที่อยู่ใกล้ๆ ในตัวเมืองจะดีกว่า
Murmansk
เป็นเมืองเล็กๆ ที่ไม่ได้มีอะไรให้ทำมาก ถ้าจะหากิจกรรมทำต้องออกไปรอบๆ นอกเมือง เมื่อมาถึงสนามบินไกด์เค้าจะมารอรับเราเพื่อไปส่ง Apartment ที่เราจองไว้ และก็นัดหมายเวลาสำหรับโปรแกรมที่จะไปกัน วันรุ่งขึ้นตามโปรแกรมต้องไป Teriberka แต่เนื่องจากสภาพอากาศไม่เป็นใจ ถนนปิดเลยเดินทางไม่ได้ ก็ต้องเปลี่ยนแผนไปที่ Snow Village แทน
ออกเดินทางจาก Murmansk ไปยังเมือง Kirovsk ที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 220 กม. หลับกันยาวๆ ไปเลย ประมาณ 3 ชม.
ที่นี่ก็จะมีประติมากรรมจากหิมะ ภายในโดมหิมะที่มีการตกแต่งเป็นภาพงานแกะสลักประดับแสงสี โดยรวมๆ ก็ไม่มีอะไรมาก ดูได้เพลินๆ แต่ก็ยังแอบเสียดายที่ไม่ได้ไป Teriberka
ถ้าใครอยากขี่ Snowmobile เค้าก็มีบริการให้เช่าขี่เล่นรอบๆ Snow Village
หลังจากกลับเข้าเมือง Murmansk ช่วงเย็น ขอนอนพักผ่อนเก็บแรง เพราะคืนนี้ต้องออกไปล่าแสงเหนือกัน ท่ามกลางอุณหภูมิ -10 องศา ดูจากพยากรณ์คืนนี้ค่า KP ของแสงเหนือไม่ค่อยแรงมาก แต่ไหนๆมาแล้วก็ต้องออกไปเสี่ยงดวง ต้องทำใจก่อนว่าการมาล่าแสงเหนือ มันเอาแน่เอานอนไม่ได้ว่าจะได้เจอ ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ และดวงล้วนๆ
เริ่มออกล่าแสงเหนือกันตั้งแต่ 3 ทุ่ม ขับรถไปเรื่อยๆ หาทำเลที่เหมาะๆ ท้องฟ้าเปิด ไม่มีแสงรบกวน และใช้ความอดทนลงจากรถออกไปสู้กับความหนาว รอแล้วรอเล่าก็ยังไม่มีวี่แวว จนต้องเปลี่ยนที่ไปเรื่อยๆ จุดที่สองเริ่มเห็นแสงสีเขียวอ่อนๆ โผล่ขึ้นมาแบบรำไรให้ได้เฮกันหน่อย
รอลุ้นอีก 1 คืน ยังไงก็ภาวนาหวังว่าจะได้เห็นแสงออกมาเต้นระบำมากกว่านี้
วันต่อมาเราออกไปนอกเมืองกันเหมือนเดิม ประมาณ 2 ชม. เตรียมพร้อมจะได้ไปเจอน้องหมาฮัสกี้ กับกวางเรนเดียร์ตัวเป็นๆ กันที่ Saami Village หมู่บ้านชาวพื้นเมืองซึ่งปัจจุบันยังเหลือสถานที่เก็บไว้เป็นแหล่งท่องเที่ยว
และมีกิจกรรมสนุกๆ ไม่ว่าจะเป็นหมาฮัสกี้ลากเลื่อน ให้อาหารกวางเรนเดียร์ น้องๆ ที่นี่ค่อนข้างเป็นมิตร และให้ความร่วมมือกันดี พร้อมที่จะพาเราตะลุยหิมะเข้าไปในป่า
ส่วนน้องๆ ที่ไม่ได้ออกทำงาน ก็นอนเล่นพักผ่อน บางตัวก็กำลังอร่อยกับเนื้อกวางเรนเดียร์ ฟังไม่ผิดหรอก...กวางเรนเดียร์สดๆ นี่แหล่ะ แต่มันเป็นธรรมชาติของการเลี้ยงที่นี่ เพราะฮัสกี้แต่ละตัวต้องการพลังงานสูง เพื่อต่อสู้กับอากาศที่หนาวเย็น อย่าว่าแต่น้องหมาเลย.. เราก็ต้องได้กินด้วย กับเมนูซุปเนื้อกวางเรนเดียร์
และนี่คือเจ้ากวางเรนเดียร์ตัวจริงเสียงจริง เสียงกระดิ่งดังกังวานมาแต่ไกลจากในป่า ค่อยๆ เดินออกมาทักทายขอขนมกิน
กระต่ายที่นี่ขนปุยมาก วิ่งเล่นกันไม่แคร์ความหนาวเลย
และเหมือนกับดวงวันนี้จะได้เจอแต่เหล่าบรรดาสัตว์ แม้แต่ตอนออกไปล่าแสงเหนือยังได้เจอกับจิ้งจอกสีน้ำตาลที่ออกมาหากินตอนกลางคืน คงจะมาปลอบใจเราแทนที่คืนนี้ไม่ได้มีโอกาสได้เห็นแสงเหนือเป็นคืนสุดท้ายก่อนกลับ
แต่ถึงการมาล่าแสงเหนือครั้งนี้ จะไม่ได้สำเร็จ 100% ก็ยังได้ประสบการณ์ใหม่ๆ เพื่อนใหม่ และยังมีโอกาสที่จะกลับมาอีกได้ไม่ยาก
Good bye Murmansk แล้วเจอกันที่ Saint Petersburg...(ติดตาม Part 3)
Winter moments in Russia
โหดแค่ไหน...ก็ยังติดใจ รัสเซีย (Part 3 - Saint Petersburg)
Comments