อันยอง.... เกาหลีใต้ หนึ่งในบัคเก็ตลิสต์ ที่ไม่ได้มีแค่โซล หรือ ปูซาน เพราะการมาเที่ยวครั้งนี้ อาจเป็นจุดหมายปลายทางที่อาจจะสร้างความประทับใจ ให้กับที่นี่ Daegu "แดกู" หรือออกเสียงว่า "แทกู" เป็นเมืองใหญ่อันดับสามของเกาหลีใต้ รองจาก โซล และปูซาน ถ้ายังนึกภาพไม่ออกว่ามีอะไรน่าเที่ยว? ก็ลองกลับไปดูซีรีส์ อย่างเรื่อง What's Wrong With Secretary Kim, Mr. Sunshine, Love Rain และ F4 ในเวอร์ชั่นเกาหลี ก็จะได้เห็นฉากสวยๆ ผ่านตากันบ้าง และถ้าไปช่วงใบไม้เปลี่ยนสี อากาศเย็นสบาย รับรองว่าโรแมนติกแน่นอน
เริ่มออกเดินทางจาก กรุงเทพฯ บินตรงสู่ แดกู มีสายการบินราคาประหยัด T'Ways Air ใช้เวลา 6 ชม. เที่ยวบินดึก ถึงเช้าเที่ยวได้เลย
วันแรก
หลังจากที่เครื่องแตะพื้น ถึงเมืองแดกู พร้อมสูดอากาศเย็นๆ ให้เต็มปอด และเตรียมร่างกายสู่จุดหมายแรกของทริปนี้ ที่ Mt. Apsan Observatory มาถึงให้ขึ้นเขาออกกำลังกันนิดหน่อย ที่นี่เค้ามี Cable Car ให้บริการ แต่ถ้าใครอยากเดิน Trekking ก็ไม่ว่ากัน
จุดชมวิวเมืองแดกูสุดฮิตของที่นี่ มีชื่อว่า Apsan Observatory มองเห็นภาพทั้งเมืองในแบบพาโรนามา ที่ถูกล้อมรอบด้วยขุนเขา ระหว่างทางจะได้เห็นสีสันของใบไม้ที่กำลังเปลี่ยนสี เขียว เหลือง ส้ม แดง เต็มไปหมด ขึ้นมาแล้วบอกเลยว่าสวยจริง ติดอันดับ Landmark ของเมืองแดกูเลยก็ว่าได้ และที่นี่ยังเป็นฉากในซีรีส์เรื่อง What's Wrong With Secretary Kim (เลขาคิม) บรรยากาศเหมาะกับการพาคู่รักมาสวีท หรือคล้องกุญแจคู่รัก
พักเหนื่อยกันหน่อย ถ้าใครเป็นสายคาเฟ่ มานี่บอกเลยไม่ผิดหวัง เพราะที่แดกูมีร้านคาเฟ่เก๋ๆ เพียบ
ด้วยความที่คนเมืองแดกู นิยมการดื่มกาแฟกันเป็นอย่างมาก จนมีร้านคาเฟ่เกิดขึ้นมามากมาย และกลายเป็นถนนสายกาแฟ "Apsan Cafe Street" มีร้านกาแฟสไตล์ชิคๆ ในบรรยากาศชิลๆ ตามสองข้างทาง ให้เราได้เลือกนั่งจิบกาแฟ ทานขนมอร่อยๆ ตามใจชอบท่ามกลางบรรยากาศดีๆ ซึ่งร้านที่แนะนำมานี้คือ "Minsk"
"Minsk" อ่านว่า "มินสก์" ที่เป็นชื่อเมืองหลวงของเบลารุส ธุรกิจเดิมเค้าคือร้านขายเฟอร์นิเจอร์ แต่เริ่มมาจากทางร้านเสิร์ฟให้กับลูกค้าที่มาซื้อเฟอร์นิเจอร์ เป็นถูกอกถูกใจ รสชาติดี จนทำให้เกิดไอเดียมาเป็นร้านกาแฟ ซึ่งบรรยากาศของร้านนี้ ยังคงมีกลิ่นอายของความคลาสสิค ด้วยการตกแต่งจากเฟอร์นิเจอร์โบราณ ผสมผสานกับความโมเดิร์นที่เข้ากันอย่างลงตัว มีมุมให้นั่งจิบกาแฟ ทานขนมอร่อยๆ ถ่ายรูปสวยๆ มองออกไป ก็จะได้เห็นวิวภูเขาตั้งตระหง่านอยู่หน้าร้าน
พักผ่อนจิบกาแฟพอเรียกความสดชื่นขึ้นมาได้บ้าง ก่อนพระอาทิตย์ตกหมดวัน เราแวะไปที่ มหาวิทยาลัยเค็มยอง (Keimyung University) เป็นมหาวิทยาลัยเอกชนชั้นนำของเกาหลีใต้ และถูกใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ และซีรีส์หลายเรื่อง เช่น Love Rain และ F4 ในเวอร์ชั่นเกาหลี ด้วยความสวยงามของบรรยากาศภายในมหาวิทยาลัย ที่เต็มไปด้วยความร่มรื่นของต้นไม้น้อยใหญ่ หลากสีสัน และสถาปัตยกรรมแบบตะวันตก เป็นอีกหนึ่งสถานที่แห่งความโรแมนติกที่ดีเลย แค่ประตูทางเข้ามหาวิทยาลัยก็อลังการงานสร้างแล้ว
พื้นที่ภายในมหาวิทยาลัยเค็มยองนั้นค่อนข้างกว้างใหญ่มาก ถ้าให้เดินทั้งหมด วันนึงอาจจะไม่เก็บได้ไม่ครบ หรือไม่ก็หลง!! แต่ถ้าไม่มีเวลา ก็ลองเดินเล่นๆ ไปเรื่อยๆ ก็คิดว่าพอแล้ว เพราะที่นี่สวยทุกมุม ยิ่งมาช่วงตอนเย็นพระอาทิตย์ใกล้ตก วิวดีมาก แสงสวย
ภายในมหาวิทยาลัยเค็มยอง ยังมีสวนและหมู่บ้านโบราณ ที่ไว้ให้นักท่องเที่ยวได้มาเรียนรู้วัฒนธรรมอันเก่าแก่ และยังถูกใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำซีรีส์เรื่อง Mr. Sunshine ขอเก็บภาพที่สวยงาม และแสงสุดท้ายของวันแรกในทริปนี้
วันที่สอง
ไปล่องเรือที่ Samunjin Naru เป็นอีกมุมมองของการชมวิวเมืองแดกู บนเรือ Ferry ที่ค่อยๆ แล่นไปตามแม่น้ำ Nakdong ซึ่งเป็นแม่น้ำที่ยาวที่สุดในเกาหลีใต้ แต่ไม่ได้ล่องไกลขนาดนั้นนะ แค่ใช้เวลา ไปกลับ ประมาณ 30 นาทีก็พอแล้ว
พอตกเย็น ก็เปลี่ยนบรรยากาศไปหากิจกรรมชิลๆ ทำกันที่ The Arc (Architecture of River Culture) ซึ่งมีจุดเด่นเห็นมาแต่ไกล กับความแปลกตาของโครงสร้างรูปแบบอาคารที่เหมือนหินที่ใช้ปากระดอนลงบนผิวน้ำ หรือคล้ายกับปลาที่กระโดดขึ้นมาบนผิวน้ำ เป็นอีกหนึ่ง Landmark แห่งใหม่ และเป็นศูนย์แสดงนิทรรศการ จนกลายเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของขาวเมืองแดกู โดยเราสามารถเช่าจักรยานไฟฟ้า สกู๊ตเตอร์ ขับไปเที่ยวรอบๆได้
วันที่สาม
เดินเที่ยวรอบๆ เมือง ตามจุดสำคัญต่างๆ อย่างเช่น Gyesan Catholic Church โบสถ์ศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิกที่สำคัญแห่งหนึ่งในแดกู มีการตกแต่งผสมผสานสไตล์เกาหลี และเมื่อข้ามถนนไปยังฝั่งตรงข้ามของโบสถ์ Gyesan ก็จะได้เห็นบันไดประวัติศาสตร์ 3.1 Movement Stairs ที่อยู่ติดกับโบสถ์ The First Presbyterian Church of Daegu หนึ่งในสถานที่ถ่ายทำซีรีส์เรื่อง What’s Wrong With Secretary Kim (เลขาคิม) เป็นอนุสรณ์รำลึกถึงเหตุการณ์ที่เกาหลีเคลื่อนไหวต่อต้านญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 1919
แถวๆ นั้นยังมีร้านกาแฟบรรยากาศดีๆ ที่ใครก็ต้องมาเช็คอิน ถ่ายรูป กับ Cafe Romance Papa ด้วยการตกแต่งร้านเป็นเอกลักษณ์ และยังคงความคลาสสิค เข้ากับธรรมชาติ และเมนู Signature ที่กินคู่กับของหวานอร่อยๆ
ถ้าใครที่ชอบถ่ายรูป สร้างสตอรี่เก๋ๆ เผื่อเวลาเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศตามมุมต่างๆ ของร้านนี้ และร้านอื่นๆ ในย่านนี้ มีคาเฟ่น่ารักๆ อีกหลายร้าน
ความสนุกยังไม่หมด เพราะที่แดกู ก็มีสวนสนุก E-World ที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของ เกาหลีใต้ มีเครื่องเล่นหลากหลาย เหมาะกับทุกวัย มีตั้งแต่เครื่องเล่นเด็กๆ ไปจนถึงเครื่องเล่นสุดท้าทาย ยิ่งใครมาช่วงค่ำก็จะได้เห็นการประดับไฟตามจุดต่างๆ และในสวนสนุก E-World ยังสามารถเที่ยว 83 Tower หรือ หอคอย แห่งแดกู ได้อีกด้วย
เครื่องเล่นที่เสียวสุด ต้องยกให้ Mega Swing 360 ขึ้นไปหมุนกลางอากาศกันแบบ 360 องศา และ Sky Drop ที่ปล่อยจากความสูง 103 เมตร!!
ปิดท้ายกับการฝากท้องไว้ที่ร้านใส้ย่าง หรือ “ก๊บชาง” (Gobchang) เป็นอาหารที่ขึ้นชื่อของเมืองแดกู ที่นิยมนำเครื่องในหมูหรือวัว มาหมักกับเครื่องเทศเกาหลีแล้วนำมาย่าง กินแกล้มผักสด ย่านนี้มีชื่อว่า Anjirang-gol เป็นถนนสายไส้ย่างมากมายหลายร้าน หากใครมาถึงแดกูแล้วต้องลองสักมื้อ
วันที่สี่
เป็นอีกวันที่อากาศสดใส เหมาะกับไปรับลมเย็นๆ สัมผัสธรรมชาติที่ทะเลสาบ Suseong Lake เป็นทะเลสาบหลักที่อยู่กลางเมืองแดกู ริมทะเลสาบมีกิจกรรมต่างๆ ทั้งออกกำลังกาย ปั่นจักรยาน เดินเล่น หรือจะปั่นเรือเป็ดกับคู่รักก็คงฟินน่าดู
ถ้าใครหิว ใกล้ๆ ทะเลสาบ Suseong Lake มีร้านอาหารตะวันตกสไตล์ฟิวชั่น ชื่อร้านว่า MIES_CONTAINER ด้วยการตกแต่งที่ดึงดูดสายตา ตั้งแต่เห็นจากภายนอก ก็ต้องลองเข้าไปซะหน่อย บรรยากาศภายในร้านมีความเป็นโรงงาน ใช้โทนสีขาวดำ บนโต๊ะอาหารถูกวางด้วยอุปกรณ์การช่างต่างๆ ไว้เป็น Gimmick เก๋ๆ
เมนูที่เป็น Signature ของทางร้าน ก็คือพิซซ่า ที่มีความแตกต่างจากพิซซ่าปกติ คือการใช้ช้อนตักกิน และยังมีสลัด ไก่ย่าง มันฝรั่ง ส่วนรสชาติก็อยู่ในระดับไม่หวือหวาอะไรมาก แต่ก็ถือว่าใช้ได้ เน้นบรรยากาศ
พอตกเย็น ลองออกตามหาความรักผ่านเสียงเพลง ของนักร้องในตำนาน Kim Kwang-Suk Road ถนนสายนักดนตรี “คิม กวาง ซอค” ที่สร้างไว้เพื่อเป็นอนุสรณ์รำลึกถึงศิลปินนักร้องแนวโฟล์คร็อค ที่โด่งดังมากของประเทศเกาหลีใต้ในยุค 1980-1990 ซึ่งเค้าเกิดที่เมืองแดกูแห่งนี้ ตลอดเส้นทางความยาว 350 เมตร ถูกตกแต่งด้วยภาพจิตรกรรมฝาผนัง และเรื่องราวของศิลปิน เหมาะกับคนที่รักในเสียงดนตรี
และตอนหัวค่ำ ก็ไปหาของกินกันที่ Seomun Market ตลาดที่ใหญ่ที่สุดในเมืองแดกู และเก่าแก่ที่สุดของเกาหลีใต้เป็นร้อยๆปี มีประวัติความเป็นมาตั้งแต่สมัยโชซอนโน้นเลย มีร้านอาหาร Street Food มากมาย และยังมีเวทีของศิลปินที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาสร้างเสียงเพลงอันไพเราะยามค่ำคืน
ส่วนถ้าใครอยากมีเวลาช้อปปิ้ง ไม่ต้องไปไหนไกล เพราะที่ถนนดงซองโน หรือ Dongseongno Street ในแดกู มีย่านช้อปปิ้งที่ใหญ่มากกว่าเมียงดงที่โซลถึง 5 เท่า แต่คนไม่พลุกพล่าน เหมือนในโซล สามารถเดินกันได้ชิลๆ เลือกช้อปกันได้สบายๆ เปิดตั้งแต่ 10 โมง ไปจนถึง 4 ทุ่ม
วันที่ห้า
ไหนๆวันแรกมาก็ขึ้นเขา วันนี้ก็ขอขึ้นเขากันอีกซะหน่อยเป็นวันส่งท้ายทริปนี้ ที่ Mt. Palgongsan โดยนั่งกระเช้า ขึ้นไปยอดเขาใช้เวลาไม่นาน นั่งดูวิวเพลินๆ ก็มาถึงสถานีปลายทาง และเดินต่อขึ้นไปยังจุดชมวิว ถ้าใครอยากรู้ว่า หากมาเที่ยวในช่วงฤดูอื่นเป็นยังไง เค้าก็มีการจัดแสดงภาพถ่ายจากช่างภาพที่มาเที่ยวในช่วงฤดูกาลต่างๆ อีกจุดไฮไลท์คือ Wish Rock ที่เค้าเชื่อว่า ถ้าใครมาขอพร แล้วเอาเหรียญแปะไว้ที่หิน แล้วเหรียญไม่หล่นก็จะสมหวัง ว่าแต่มันติดได้ยังไง ต้องลองมาพิสูจน์ด้วยตัวเอง
ก่อนกลับก็ได้มีโอกาสแวะรับบุญกันที่ Donghwasa Temple วัดดงฮวาซา วัดเก่าแก่ที่ตั้งอยู่ทางใต้ของภูเขาพัลกงซาน เมืองแดกู สร้างในปี ค.ศ.493 ในสมัยกษัตริย์โซจิ มีพระพุทธรูปหินพระศรีศากยมุนี, อมิตาภะพุทธเจ้า และยัคซายอแรแดพุล (Yaksa-yeoraedaebul) ขนาดใหญ่ มีความสูงถึง 17 เมตร สร้างขึ้นเพื่อเป็นศูนย์รวมจิตใจ และได้อนุรักษ์สิ่งที่หลงเหลือจากอดีตอันหลากหลายเช่นเจดีย์หินสามชั้น และแมว...
หมายถึง........น้องแมวที่อาศัยอยู่ในวัด ที่คอยออกมาต้อนรับกันอย่างอบอุ่น
ถ้าใครอยากหาอะไรสนุกๆ ทำ ลองแวะมาที่ TANG TANG LAND โรงงานไก่ทอด ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเมนูขึ้นชื่อของเมืองแดกู เค้ามีกิจกรรมสุดคิ้วท์ๆ D.I.Y เมนูไก่ ถ้ามีเวลาลองแวะมาสนุกๆ แถมยังได้กินไก่ทอดอร่อยๆ อีกด้วย
ทริปนี้ถึงมีเวลาไม่มาก แต่ก็ทำให้เราได้รู้จัก แดกู มากขึ้น และหวังว่า แดกู จะกลายเป็นอีกหนึ่งจุดหมายของนักท่องเที่ยว ที่อยู่ในลิสต์ของการมาเที่ยวเกาหลีใต้ เพราะยังมีอีกหลายที่ รอให้นักท่องเที่ยวอย่างเรา เข้าไปสัมผัสในเส้นทางใหม่ๆ จนทำให้ต้องตกหลุมรัก...
Love You, Daegu แดกู...เลิฟยู ที่เกาหลีใต้
Comentários